การบอกเวลาเป็นงานพื้นฐานที่ต้องใช้แทบทุกวัน อย่างไรก็ตามการบอกเวลามีกฎค่อนข้างเยอะ ทำให้ผู้เรียนสับสนและรู้สึกงงงวยได้ บทความนี้จะแนะนำวิธีการบอกเวลาในภาษาอังกฤษอย่างแม่นยำและวิธีการประยุกต์ใช้ในสถานการณ์การสื่อสารต่างๆ ช่วยให้คุณมั่นใจมากขึ้นเมื่อใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
ในภาษาอังกฤษมี 4 วิธีหลักในการบอกเวลา ด้านล่างนี้เป็นแต่ละวิธีพร้อมกับตัวอย่างประกอบและคำแปลเป็นภาษาไทย
สำหรับชั่วโมงที่ถูกต้อง
ในการอ่านเวลาเต็มชั่วโมง คุณเพียงแค่ต้องอ่านตัวเลขชั่วโมงและเติมคำว่า “o’clock” ลงไปข้างหลังหากต้องการพูดอย่างเต็มรูปแบบ
ตัวอย่าง:
“It is 7 o’clock.” (ตอนนี้ 7 โมงตรง)
“I wake up at 6 o’clock every day.” (ฉันตื่นนอนตอน 6 โมงทุกวัน)
“The meeting starts at 9 o’clock.” (การประชุมเริ่มตอน 9 โมง)
ในกรณีทั่วไป คำว่า “o’clock” มักจะถูกละไว้ในการสื่อสารประจำวัน
ตัวอย่าง:
“It is 8.” (ตอนนี้ 8 โมง)
“I’ll see you at 10.” (ฉันจะพบคุณตอน 10 โมง)
สำหรับครึ่งชั่วโมง
เมื่อบอกเวลาครึ่งชั่วโมง คุณสามารถบอกเวลาชั่วโมง + “thirty” หรือใช้ “half past” นำหน้าตัวเลขชั่วโมง
ตัวอย่าง:
“It is 7:30.” หรือ “It is half past seven.” (ตอนนี้เป็นเวลา 7 โมงครึ่ง)
“The movie starts at 6:30.” หรือ “The movie starts at half past six.” (ภาพยนตร์เริ่มเวลา 6 โมงครึ่ง)
“Dinner will be served at 8:30.” หรือ “Dinner will be served at half past eight.” (อาหารเย็นจะเสิร์ฟเวลา 8 โมงครึ่ง)
สำหรับเวลาหลังจากชั่วโมง
ในการอ่านเวลาหลังจากชั่วโมง คุณสามารถอ่านจำนวนชั่วโมง + จำนวนหน้านาที หรือ จำนวนหน้านาที + “past” + จำนวนชั่วโมง
ตัวอย่าง:
“It is 7:20.” หรือ “It is twenty past seven.” (ตอนนี้เวลา 7 โมง 20 นาที)
“The train leaves at 9:15.” หรือ “The train leaves at fifteen past nine.” (รถไฟออกเวลา 9 โมง 15 นาที)
“I arrived at 10:05.” หรือ “I arrived at five past ten.” (ฉันมาถึงเวลา 10 โมง 5 นาที)
สำหรับเวลาก่อนชั่วโมง
ในการอ่านเวลาก่อนชั่วโมง คุณสามารถอ่านจำนวนชั่วโมง + (60 นาที – จำนวนหน้านาที) หรือ จำนวนหน้านาที + “to” + จำนวนชั่วโมง
ตัวอย่าง:
“It is 7:50.” หรือ “It is ten to eight.” (ตอนนี้เวลา 8 โมงอีก 10 นาที)
“The meeting is at 4:45.” หรือ “The meeting is at a quarter to five.” (การประชุมเริ่มเวลา 5 โมงอีก 15 นาที)
“We need to leave by 3:55.” หรือ “We need to leave by five to four.” (เราต้องออกก่อนเวลา 4 โมงอีก 5 นาที)
วิธีบอกเวลาใช้ได้กับทุกสถานการณ์
การบอกเวลาผ่านการอ่านเลขชั่วโมงและนาทีเป็นวิธีที่ง่ายและใช้ได้ในทุกสถานการณ์
ตัวอย่าง:
“It is 7:45.” (ตอนนี้เวลา 7 โมง 45 นาที)
“The flight departs at 11:30.” (เที่ยวบินออกเดินทางเวลา 11 โมง 30 นาที)
“I usually have lunch at 12:15.” (ฉันมักจะกินข้าวเที่ยงเวลา 12 โมง 15 นาที)
การใช้ a.m. และ p.m.
เพื่อระบุเวลาในช่วงเช้าหรือช่วงบ่าย คุณสามารถใช้ “a.m.” (ante meridiem – ก่อนเที่ยง) หรือ “p.m.” (post meridiem – หลังเที่ยง) เพิ่มเข้าไปได้
ตัวอย่าง:
“I have a meeting at 9 a.m.” (ฉันมีการประชุมเวลา 9 โมงเช้า)
“The concert starts at 7 p.m.” (คอนเสิร์ตเริ่มเวลา 7 โมงเย็น)
“Breakfast is served at 8 a.m.” (อาหารเช้าถูกเสิร์ฟเวลา 8 โมงเช้า)
“The movie starts at 10 p.m.” (ภาพยนตร์เริ่มเวลา 10 โมงเย็น)
การใช้ a quarter
สามารถใช้ “a quarter” แทน 15 นาทีได้
ตัวอย่าง:
“It is 7:15.” หรือ “It is a quarter past seven.” (ตอนนี้เวลา 7 โมง 15 นาที)
“The bus arrives at 8:45.” หรือ “The bus arrives at a quarter to nine.” (รถบัสมาถึงเวลา 8 โมง 45 นาที)
“We will meet at 6:15.” หรือ “We will meet at a quarter past six.” (เราจะพบกันเวลา 6 โมง 15 นาที)
เพื่อที่จะอ่านเวลาเป็นภาษาอังกฤษได้อย่างถูกต้อง คุณจำเป็นต้องรู้และจดจำตัวเลขตั้งแต่ 1 ถึง 60 หากคุณเพิ่งเริ่มเรียนภาษาอังกฤษและยังไม่สามารถจดจำคำศัพท์และวิธีอ่านตัวเลขทั้งหมดได้ คุณสามารถเพิ่มคำศัพท์ลงในแอปพลิเคชัน MochiVocab เพื่อให้มีการแจ้งเตือนการเรียนรู้ด้วยฟีเจอร์ “ช่วงเวลาทอง”
MochiVocab เป็นแอปพลิเคชันเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้ฟีเจอร์ “ช่วงเวลาทอง” ซึ่งอิงตามหลักการเรียนรู้แบบเว้นช่วง (spaced repetition) ฟีเจอร์นี้จะวิเคราะห์ประวัติการเรียนรู้ของคุณเพื่อกำหนดช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดสำหรับการทบทวนและจากนั้นส่งการแจ้งเตือนเพื่อให้คุณทบทวนในเวลาที่เหมาะสม ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการเรียนรู้นอกจากนี้ MochiVocab ยังจัดประเภทคำศัพท์ออกเป็น 5 ระดับ ขึ้นอยู่กับความสามารถในการจดจำคำนั้นๆ ของคุณ ระยะเวลาระหว่างการทบทวนจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สำหรับคำศัพท์ระดับสูง ในขณะที่คำศัพท์ระดับต่ำจะถูกทบทวนบ่อยขึ้นจนกว่าคุณจะจดจำได้ ฟีเจอร์นี้ช่วยให้คุณลดเวลาในการทบทวนคำศัพท์ที่คุณจดจำได้ดีแล้ว เพื่อให้สามารถมุ่งเน้นไปที่การจดจำคำศัพท์ที่ยากขึ้น ส่งผลให้ประสิทธิภาพในการเรียนรู้เพิ่มขึ้น
แบบฝึกหัดประยุกต์ใช้
ข้อ 1: เลือกคำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 5:15 ในภาษาอังกฤษ
a) Five and fifteen
b) Five fifteen
c) Five o’clock and fifteen minutes
d) Five to fifteen
ข้อ 2: เลือกคำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 7:30 ในภาษาอังกฤษ
a) Seven thirty
b) Seven and thirty
c) Seven to thirty
d) Seven after thirty
ข้อ 3: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 8:45 ในภาษาอังกฤษ
a) Eight forty-five
b) Eight and forty-five
c) Eight o’clock and forty-five minutes
d) Eight to forty-five
ข้อ 4: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 2:00 ในภาษาอังกฤษ
a) Two hours
b) Two o’clock
c) Two and zero minutes
d) Two hundred
ข้อ 5: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 10:05 ในภาษาอังกฤษ
a) Ten after five
b) Ten and five
c) Ten o’clock and five minutes
d) Ten before five
ข้อ 6: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 3:20 ในภาษาอังกฤษ
a) Three and twenty
b) Three twenty
c) Three o’clock and twenty minutes
d) Three after twenty
ข้อ 7: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 12:45 ในภาษาอังกฤษ
a) Twelve forty-five
b) Twelve and forty-five
c) Twelve o’clock and forty-five minutes
d) Twelve to forty-five
ข้อ 8: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 6:10 ในภาษาอังกฤษ
a) Six after ten
b) Six ten
c) Six and ten
d) Six to ten
ข้อ 9: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 4:55 ในภาษาอังกฤษ
a) Four and fifty-five
b) Four to fifty-five
c) Four fifty-five
d) Four o’clock and fifty-five minutes
ข้อ 10: คำอ่านที่ถูกต้องของเวลา 9:30 ในภาษาอังกฤษ
a) Nine and thirty
b) Nine to thirty
c) Nine o’clock and thirty minutes
d) Nine thirty
คำตอบ:
- b) Five fifteen
- a) Seven thirty
- a) Eight forty-five
- b) Two o’clock
- c) Ten o’clock and five minutes
- b) Three twenty
- a) Twelve forty-five
- b) Six ten
- c) Four fifty-five
- d) Nine thirty
