ภาษาอังกฤษเป็นสิ่งที่คนในปัจจุบันขาดไม่ได้ ภาษาอังกฤษจะเปิดโอกาสได้ง่ายมากในการทำงาน อย่างไรก็ตาม การเรียนภาษาอังกฤษอาจเป็นความท้าทายสำหรับคนที่ทำงานอยู่แล้ว มีลูกๆ หรือมีข้อจำกัดของงบการเงิน เพราะฉะนั้น MochiMochi ขอแนะนำ 10 เคล็ดลับในการฝึกภาษาอังกฤษที่บ้านได้ง่ายๆ ที่จะช่วยให้คุณมีความยืดหยุ่นในการเรียนรู้และประหยัดค่าใช้จ่ายได้มากขึ้น
1. ใส่ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวัน
ในภาษาอังกฤษ มีสำนวนว่า “Use it or lose it” ซึ่งหมายถึงสมองจะลืมความรู้ที่ไม่ได้ใช้บ่อย ดังนั้น หนึ่งในคำแนะนำที่สำคัญมากที่สุดในการเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลคือ คุณต้องใช้สิ่งที่ได้เรียนรู้ในชีวิตประจำวันอย่างสม่ำเสมอ บางคนอาจคิดว่า ถ้าพวกเขาไม่ได้อาศัยอยู่ในสภาพแวดล้อมที่พูดภาษาอังกฤษก็คงเป็นเรื่องยากที่จะทำ แต่ความจริงคือคุณสามารถเริ่มต้นจากสิ่งง่ายๆ ที่ใครๆ สามารถทำได้
ตัวอย่างเช่น ลองเรียกชื่อสิ่งของ กิจกรรม หรือปรากฏการณ์รอบตัวเป็นภาษาอังกฤษเพื่อจดจำคำศัพท์ได้นานขึ้น หรือคุณสามารถเขียนบันทึกประจำวันได้ สิ่งเหล่านี้คุณสามารถทำได้ด้วยตนเอง แม้จะเป็นเพียงแค่ความคิดในหัวก็ทำได้ โดยไม่ต้องพึ่งการสนับสนุนจากภายนอกมากเกินไป
2. เรียนรู้คำศัพท์ด้วยวิธี “ซึมซับ”
คำศัพท์เป็นส่วนประกอบพื้นฐานและสำคัญมากที่สุดในการใช้ภาษาอังกฤษได้อย่างเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะทักษะการสื่อสาร อย่างไรก็ตาม คำศัพท์ก็อาจเป็นอุปสรรคใหญ่หากคุณไม่มีคลังคำศัพท์ที่ดีพอ แน่นอนว่าหลายคนอาจประสบปัญหาในการแสดงความคิดเพราะไม่รู้คำที่ต้องการใช้ หรือคุณอาจเจอสถานการณ์ที่คุณใช้คำที่ไม่เข้ากับบริบท
โดยเฉลี่ย แต่ละคนจะต้องการเรียนรู้คำศัพท์ 3,000 – 10,000 คำเพื่อให้ได้ระดับภาษาอังกฤษพื้นฐาน นี่เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างมากสำหรับผู้ที่เรียนภาษาอังกฤษเป็นภาษาที่สอง โดยเฉพาะผู้ที่ฝึกภาษาอังกฤษที่บ้าน ดังนั้น อย่าพยายามอัดคำศัพท์มากเกินไป โดยเฉพาะคำศัพท์ทางวิชาการที่ไม่ค่อยได้ใช้ นอกจากนี้การแบ่งคำศัพท์ตามหัวข้อเพื่อเรียนรู้ก็เป็นวิธีที่ดีเช่นกัน เพราะจะช่วยประหยัดเวลาและจดจำคำศัพท์ตามกลุ่มได้นานขึ้น โดยเฉพาะการเรียนรู้ควบคู่กับการทบทวนจะช่วยให้สมองจดจำคำศัพท์ได้มากที่สุด คุณสามารถใช้หลายวิธีการเรียนรู้และทบทวนเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสนุกสนาน
วิธีการเรียนรู้แบบดั้งเดิมเช่นการจดบันทึกในสมุด หรือใช้ flashcard สามารถผสานกับการเรียนรู้ผ่านแอปพลิเคชันเช่น MochiVocab ฟังก์ชันการแจ้งเตือนการทบทวนตาม “เวลาที่เหมาะสม” ของแอปจะช่วยให้คุณเลือกช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุด การแจ้งเตือนคำศัพท์หลายๆ ครั้งเช่นนี้จะช่วยให้สมองเก็บคำศัพท์ใหม่ในหน่วยความจำระยะยาวได้ง่ายขึ้น วิธีการฝึกซ้อมแบบช่วงเวลาสลับกัน (spaced repetition) นี้ได้รับการยืนยันถึงประสิทธิภาพจากงานวิจัยทางวิทยาศาสตร์ การใช้ MochiMochi กับเทคนิคนี้จะช่วยให้คุณประหยัดเวลาในกระบวนการเรียนรู้
MochiVocab กับฟังก์ชันแจ้งเตือนเวลาที่เหมาะสมช่วยให้คุณฝึกภาษาอังกฤษได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
3. เรียนรู้ไวยากรณ์แบบเลือกสรร
ไวยากรณ์เป็นสิ่งที่สำคัญในโปรแกรมการเรียนภาษาอังกฤษในโรงเรียนมัธยมศึกษาในประเทศไทย อย่างไรก็ตาม การเน้นมากเกินไปนี้จะทำให้เราใช้เวลามากมายในการเรียนรู้ความรู้ที่ยากที่จะนำไปใช้ในชีวิตจริง หากคุณไม่มีเวลามากในการฝึกภาษาอังกฤษ ควรเข้าถึงไวยากรณ์ภาษาอังกฤษในแบบ “ใช้งานจริง” มากขึ้น สังเกตและเลือกเพียงความรู้ทางไวยากรณ์ที่คุณต้องการใช้บ่อย นอกจากนี้ ควรอ่านและฟังสื่อภาษาอังกฤษเพื่อใช้ไวยากรณ์ให้เป็นธรรมชาติ แทนที่จะใช้มันอย่างเชิงกลตามตัวอย่างในหนังสือ
4. บันทึกเสียงการออกเสียงภาษาอังกฤษ
ผู้ที่เพิ่งฝึกภาษาอังกฤษที่บ้านควรเริ่มต้นด้วยการเรียนรู้การออกเสียงก่อน เริ่มต้นโดยการศึกษาตารางการออกเสียงภาษาอังกฤษ IPA และมั่นใจว่าคุณออกเสียงถูกต้องตามนั้น คุณสามารถดูวิดีโอฝึกการออกเสียงเพื่อรู้จักวิธีการรวมส่วนต่างๆ ของเครื่องออกเสียงให้ถูกต้องที่สุด ในระหว่างกระบวนการนี้ การบันทึกจะต้องได้รับการบันทึกและฟังซ้ำแล้วซ้ำอีกครั้งเพื่อให้แน่ใจว่าคุณสามารถแก้ไขข้อผิดพลาดได้ทันที
5. ดูวิดีโอภาษาอังกฤษตามหัวข้อที่คุณสนใจ
การดูวิดีโอภาษาอังกฤษเป็นวิธีที่ดีในการฝึกการฟังและการพูด ซึ่งจะช่วยเพิ่มคำศัพท์ใหม่ๆ ให้กับตัวคุณเองได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อให้สามารถรักษานิสัยนี้ได้ ควรเลือกดูวิดีโอที่เกี่ยวข้องกับหัวข้อที่คุณชื่นชอบ หากคุณชอบทำอาหาร คุณสามารถดูวิดีโอการทำอาหารเพื่อเรียนรู้คำศัพท์ในครัว นอกจากนี้ ควรเลือกดูหัวข้อที่เกี่ยวข้องกับงานหรือเป้าหมายการเรียนภาษาอังกฤษของคุณ ไม่ควรบังคับตนเองให้ดูวิดีโอเกี่ยวกับหัวข้อที่เป็นวิชาการเกินไป เพราะจะทำให้ความสนใจของคุณลดลงเร็ว และไม่สามารถให้ความรู้ภาษาอังกฤษที่เป็นประโยชน์จริงๆ ได้
6. ฟังทุกสิ่งทุกอย่างเป็นภาษาอังกฤษ
การฝึกฟังไม่จำเป็นต้องเป็นการฟังแบบทดสอบหรือทำแบบฝึกหัด คุณสามารถฟังอะไรก็ได้ในเวลาว่างเพื่อเพิ่มการตอบสนองการฟังภาษาอังกฤษให้กับตัวเอง เริ่มต้นด้วยวิดีโอสั้นๆ ที่มีความเร็วการฟังพอเหมาะและใช้คำศัพท์ง่ายๆ มีหลายช่อง YouTube หรือ podcast ที่ผลิตวิดีโอเพื่อการเรียนภาษาอังกฤษเช่นนี้ คุณสามารถเลือกดูวิดีโอเหล่านี้ตามระดับที่เหมาะสมกับคุณ นอกจากนี้ ลองเปลี่ยนมาฟังเพลงภาษาอังกฤษ หรืออัพเดตข่าวสารประจำวันด้วยการฟังวิทยุภาษาอังกฤษด้วย ในการสื่อสารจริง ความเร็วการพูดของเจ้าของภาษาโดยทั่วไปจะเร็วกว่ามาก ดังนั้นควรฝึกฟังให้เร็วที่สุด
7. ฝึกพูดภาษาอังกฤษวันละ 15 นาที
ทักษะการพูดเป็นหนึ่งในสองทักษะการสร้าง (productive skill) ที่ช่วยให้คุณฝึกฝนและจดจำภาษาได้ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม นี่เป็นทักษะที่เป็นจุดอ่อนของคนไทยจำนวนมากในการเรียนภาษา โดยเฉพาะผู้ที่ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง หลายคนคิดว่าต้องมีปฏิสัมพันธ์สองทางเพื่อฝึกฝนทักษะนี้ แต่ความจริงก็คือ คุณสามารถเริ่มฝึกพูดได้ทุกวันโดยไม่ต้องพึ่งความช่วยเหลือจากภายนอกมากนัก คุณสามารถฝึกพูดหน้ากระจกเพื่อปรับรูปปาก หรือบันทึกเสียงการพูดของตัวเองเพื่อฟังซ้ำและประเมินการออกเสียง ความลื่นไหล และปรับปรุงทีละน้อย การฝึกพูดบ่อยๆ จะช่วยให้คุณสร้างนิสัยการคิดในหัวเป็นภาษาอังกฤษ แทนที่จะเปลี่ยนคำจากภาษาไทยเป็นอังกฤษซึ่งจะทำให้ความเร็วในการพูดลดลง การฝึกพูดทุกวันยังช่วยเพิ่มความมั่นใจในการสื่อสาร
8. อ่านหนังสือพิมพ์และเรื่องสั้นๆ ภาษาอังกฤษออนไลน์
ถ้าคุณต้องการใช้ภาษาอังกฤษได้ดีและเป็นธรรมชาติ คุณจำเป็นต้องเติมเต็มคลังคำศัพท์ของคุณอย่างสม่ำเสมอ การอ่านเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการ “หยิบยก” คำศัพท์และโครงสร้างการแสดงออกใหม่ ๆ ที่สุด คุณสามารถอ่านหนังสือพิมพ์ที่มีชื่อเสียงเช่น The New Yorker, The Guardian เป็นต้น เพื่อเรียนรู้คำศัพท์ในระดับสูง นอกจากนี้ สามารถอ่านบล็อกและเรื่องสั้นเพื่อเรียนรู้คำศัพท์ที่ใช้ในชีวิตประจำวันและเป็นกันเองมากขึ้น เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดจากแหล่งข้อมูลนี้ คุณควรอ่านพร้อมกับบันทึกคำศัพท์ใหม่ ๆ ที่คุณพบเจอและศึกษาเพิ่มเติม การสร้างนิสัยการอ่านประจำวันและการเพิ่มพูนคลังคำศัพท์ของคุณอย่างต่อเนื่องจะช่วยให้คุณปรับปรุงความสามารถในการใช้ภาษาอังกฤษในชีวิตประจำวันได้อย่างมาก
9. สร้างนิสัยการเขียนสิ่งที่คุณคิดเป็นภาษาอังกฤษ
การเขียนเป็นทักษะที่ยาก ต้องใช้เวลามากในการเรียนรู้และพัฒนา เช่นเดียวกับทักษะอื่น ๆ คุณจำเป็นต้องฝึกฝนการเขียนอย่างสม่ำเสมอ ถ้าเป็นไปได้ให้เขียนทุกวันเพื่อดูความก้าวหน้าของคุณ เริ่มต้นด้วยการเขียนบันทึกประจำวันสั้นๆ ในช่วงท้ายของวัน บันทึกความรู้สึกของคุณเกี่ยวกับงานและชีวิตเป็นภาษาอังกฤษ
นอกจากนี้ คุณยังสามารถใช้เวลาที่ต้องจดบันทึกในแต่ละวันเช่น การทำรายการสิ่งที่ต้องทำหรือการสนทนากับเพื่อนเป็นภาษาอังกฤษ
10. เข้าร่วมชุมชนการเรียนภาษาอังกฤษออนไลน์
นอกจากปัจจัยทางวิชาการแล้ว การรักษาทัศนคติเชิงบวกและการเรียนรู้หนักเป็นสิ่งสำคัญมาก เมื่อคุณเรียนภาษาอังกฤษด้วยตนเองที่บ้าน คุณจะเป็นทั้งผู้เรียนและผู้ตรวจสอบความก้าวหน้าของตัวเอง ในการทำสองหน้าที่นี้พร้อมกัน อย่าลังเลที่จะหาการสนับสนุนจากชุมชนการเรียนภาษาอังกฤษ
นี่คือ 10 เคล็ดลับในการเรียนภาษาอังกฤษที่ได้รับการพิสูจน์แล้วว่ามีประสิทธิภาพจากผู้เรียนหลายคน หวังว่าคำแนะนำจาก MochiMochi จะช่วยให้คุณมีการเรียนภาษาอังกฤษที่สนุกและมีประสิทธิภาพมากขึ้น
