ภาษาอังกฤษขั้นพื้นฐาน

Transition words: การจำแนกประเภท การใช้งาน และแบบฝึกหัด

ในภาษาอังกฤษ คำเชื่อมมีบทบาทสำคัญในการเชื่อมโยงความคิดและสร้างความสอดคล้องให้กับข้อความ ไม่เพียงแต่ช่วยให้ผู้เขียนจัดระเบียบประโยคและย่อหน้าอย่างมีเหตุผล แต่ยังช่วยชี้แจงความสัมพันธ์ระหว่างเนื้อหาแต่ละส่วนอีกด้วย ในบทความนี้ MochiMochi จะพาคุณไปสำรวจประเภทของคำเชื่อมที่ใช้บ่อยและวิธีการใช้งานเพื่อพัฒนาทักษะการเขียนและการพูดภาษาอังกฤษของคุณ

I. ความหมายของคำเชื่อมในภาษาอังกฤษ

คำเชื่อม (transition words หรือ Transitions) คือ คำหรือกลุ่มคำที่ใช้เชื่อมโยงความคิด ประโยค หรือย่อหน้า เพื่อให้ข้อความมีความสอดคล้อง เป็นเหตุเป็นผล และเข้าใจง่ายยิ่งขึ้น

ตัวอย่าง:

She was running late. She stopped for coffee.

แม้ว่าสองประโยคนี้จะถูกต้องตามหลักไวยากรณ์ แต่กลับทำให้เกิดความสับสนในแง่ของความหมาย ตามหลักเหตุผลแล้วดูเหมือนจะขัดแย้งกัน – ถ้าเธอไปสาย ทำไมเธอถึงหยุดซื้อกาแฟ? สาเหตุของความสับสนนี้คือการเปลี่ยนจากความคิดหนึ่งไปสู่อีกความคิดหนึ่งอย่างกะทันหันเกินไป

ลองมาดูประโยคเดิมที่เพิ่มคำเชื่อมเข้าไป

She was running late. However, she stopped for coffee. (เธอไปสาย อย่างไรก็ตาม เธอก็ยังหยุดซื้อกาแฟ)

แม้ว่าเหตุการณ์ทั้งสองจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากตัวอย่างแรก แต่คำเชื่อม “however” ช่วยแสดงให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงและความสัมพันธ์ระหว่างเหตุการณ์ทั้งสอง มันส่งสัญญาณให้ผู้อ่านทราบว่าหัวข้อกำลังเปลี่ยนไป ดังนั้นพวกเขาจะไม่รู้สึกประหลาดใจเมื่อได้รับข้อมูล

คำเชื่อมในภาษาอังกฤษแบ่งออกเป็น 2 กลุ่มหลักๆ ได้แก่ conjunction (คำสันธาน) และ connector (คำเชื่อมความ) คำสันธานใช้เชื่อมประโยค (ประโยคหลักหรือประโยครอง) ในขณะที่คำเชื่อมความใช้เชื่อมประโยคหลัก 2 ประโยคเข้าด้วยกัน


II. การใช้คำเชื่อมในภาษาอังกฤษ

คำสันธาน (Conjunction)

คำสันธานมี 4 ประเภท ได้แก่ คำสันธานประสาน (coordinating conjunctions), คำสันธานเชื่อมประโยคย่อย (subordinating conjunctions), คำสันธานแสดงความสัมพันธ์ (correlative conjunctions) และกริยาวิเศษณ์เชื่อม (conjunctive adverbs) ประโยคหนึ่งๆ อาจมีคำสันธานหลายประเภทผสมกันอยู่

a. คำสันธานประสาน (Coordinating conjunctions)

คำสันธานประเภทนี้ใช้เชื่อมส่วนที่มีบทบาททางไวยากรณ์และวากยสัมพันธ์เทียบเท่ากันในประโยค

การใช้งานคำสันธานประสาน
เพิ่มเติมand (และ)
ให้เลือกor (หรือ)
แสดงความขัดแย้งbut (แต่), yet (แต่ทว่า)
ปฏิเสธnor (ไม่เหมือนกัน)
บอกผลลัพธ์so (ดังนั้น)
บอกเหตุผลfor (เพราะว่า)

คำสันธานประสาน หรือที่รู้จักกันในชื่อ FANBOYS คำเหล่านี้จะอยู่ระหว่างคำ กลุ่มคำ หรือประโยคที่เชื่อมต่อกันเสมอ

ตัวอย่าง:

  • She likes apples, and oranges. (เธอชอบแอปเปิ้ลและส้ม)
  • I wanted to go to the park, but it started to rain. (ฉันอยากไปสวนสาธารณะ แต่ฝนเริ่มตก)
  • You can have tea or coffee. (คุณสามารถดื่มชาหรือกาแฟ)

กฎการใช้เครื่องหมายวรรคตอน:

  • ไม่จำเป็นต้องใช้เครื่องหมายจุลภาคในประโยค ยกเว้น “and” และ “but”
  • ไม่ใช้เครื่องหมายจุลภาคในกรณีที่คำสันธานเชื่อมคำ/กลุ่มคำ 2 คำ
  • ไม่ใช้เครื่องหมายจุลภาคหลังคำสันธานประสาน

b. คำสันธานเชื่อมประโยคย่อย (Subordinating conjunctions)

คำสันธานประเภทนี้ใช้เชื่อมและกำหนดความสัมพันธ์ระหว่าง 2 ประโยคในประโยค

การใช้งานคำเชื่อม
บอกเวลาafter, before, when, while, as soon as, until
บอกเหตุผลbecause, since, as
บอกเงื่อนไขif, unless, provided that, as long as
แสดงความขัดแย้งalthough, though, even though, whereas, while
บอกจุดประสงค์so that, in order that, lest
บอกผลลัพธ์so that, such that
บอกวิธีการas if, as though
บอกสถานที่where, wherever
บอกการเปรียบเทียบthan, as…as

คำสันธานเชื่อมประโยคย่อยจะอยู่หน้าประโยคย่อยเสมอ คำสันธานเชื่อมประโยคย่อยสามารถอยู่ต้นประโยค กลางประโยค หรือท้ายประโยคก็ได้

ตัวอย่าง:

  • After she finished her homework, she went to bed. (หลังจากที่เธอทำการบ้านเสร็จ เธอก็เข้านอน)
  • She studied hard so that she could pass the exam. (เธอตั้งใจเรียนอย่างหนักเพื่อที่เธอจะได้สอบผ่าน)
  • Although he was tired, he kept working. (ถึงแม้ว่าเขาจะเหนื่อย แต่เขาก็ยังคงทำงานต่อไป)

การมีคำศัพท์ที่หลากหลายจะช่วยให้คุณเข้าใจและใช้คำเชื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น คุณจะรู้วิธีเชื่อมโยงความคิดอย่างมีเหตุผล สร้างประโยคที่ซับซ้อนและมีการเชื่อมโยงที่แน่นแฟ้น ดังนั้น เริ่มต้นพัฒนาวิทยาการคำศัพท์ของคุณเพื่อนำความรู้ด้านไวยากรณ์ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น มีเครื่องมือมากมายที่สามารถช่วยคุณในเรื่องนี้ หนึ่งในนั้นคือ MochiVocab ซึ่งเป็นแอปพลิเคชั่นสำหรับเรียนคำศัพท์ภาษาอังกฤษที่ช่วยให้ผู้เรียนสามารถจดจำคำศัพท์ 1,000 คำได้ภายใน 1 เดือน นี่เป็นเป้าหมายที่เป็นไปได้จริง ๆ ด้วย “ช่วงเวลาทองคำ” – ฟีเจอร์พิเศษของ MochiVocab ที่ออกแบบตามวิธีการทบทวนแบบเว้นระยะ (spaced repetition) โดยเฉพาะอย่างยิ่ง MochiVocab จะคำนวณเวลาที่คุณจะลืมคำศัพท์ตามประวัติการเรียนรู้ของคุณ และส่งการแจ้งเตือนเพื่อเตือนให้คุณทบทวน ช่วงเวลานี้ได้รับการพิสูจน์ทางวิทยาศาสตร์แล้วว่าจะช่วยให้คุณจดจำความรู้ได้นานขึ้น แต่ประหยัดเวลาเมื่อเทียบกับวิธีการท่องจำแบบดั้งเดิม

นอกจากนี้ MochiVocab ยังแบ่งคำศัพท์ที่คุณเรียนรู้เป็น 5 ระดับความจำ ตั้งแต่ยังจำไม่ได้จนถึงจำได้มาก คำศัพท์ที่อยู่ในระดับที่สูงขึ้นแสดงถึงความสามารถในการจดจำที่ดีขึ้น และในทางกลับกัน MochiVocab จะกำหนดความถี่ของคำถามทบทวนสำหรับแต่ละคำตามระดับของคำนั้น สิ่งนี้รับประกันได้ว่าคุณสามารถจัดลำดับความสำคัญของเวลาที่ใช้ไปกับคำศัพท์ในระดับต่ำที่คุณยังจำไม่ได้

mochivocab
mochi 5 level
mochi notification

c. คำสันธานแสดงความสัมพันธ์ (Correlative conjunctions)

คำสันธานประเภทนี้ใช้เชื่อมคำ กลุ่มคำ หรือประโยคที่มีหน้าที่ทางไวยากรณ์เทียบเท่ากันในประโยค คำสันธานแสดงความสัมพันธ์จะต้องอยู่เป็นคู่เสมอเพื่อสื่อความหมายอย่างครบถ้วน

การใช้งานคำสันธานแสดงความสัมพันธ์
บอกการบวกเพิ่มboth… and, not only… but also
ให้เลือกeither… or, whether… or
ปฏิเสธneither… nor
เปรียบเทียบjust as… so, rather… than
บอกเวลาno sooner… than, scarcely/barely/hardly/… when

คำแรกในคำสันธานแสดงความสัมพันธ์จะต้องอยู่หน้าคำหรือประโยคแรก คำที่สองในคำสันธานแสดงความสัมพันธ์จะต้องอยู่หน้าคำหรือประโยคที่สอง

ตัวอย่าง:

  • Neither the blue one nor the red one fits me. (ทั้งสีฟ้าและสีแดงต่างก็ไม่เหมาะกับฉัน)
  • She is not only talented but also very hardworking. (เธอไม่เพียงแต่มีความสามารถเท่านั้น แต่ยังขยันขันแข็งมากอีกด้วย)
  • No sooner had we arrived than it started to rain. (ทันทีที่เรามาถึง ฝนก็เริ่มตก)

d. กริยาวิเศษณ์เชื่อม (Conjunctive adverbs)

กริยาวิเศษณ์เชื่อม (Conjunctive/ connective adverbs) ใช้เชื่อม 2 ประโยคหลักในประโยคเดียว หรือแสดงหน้าที่ทางไวยากรณ์ระหว่าง 2 ประโยคหลัก

การใช้งานกริยาวิเศษณ์เชื่อม
เพิ่มเติมfurthermore, in addition
เหตุและผลaccordingly, consequently, therefore, then
ขัดแย้งhowever, instead, in spite of, rather
บอกเวลาbefore, meanwhile, since, now
สรุปin conclusion, in summary, briefly
ยกตัวอย่างfor example, for instance, namely, typically

ตัวอย่าง:

  • In conclusion, we need to reduce our expenses. (สรุปแล้ว เราจำเป็นต้องลดค่าใช้จ่าย)
  • It was raining; therefore, the event was canceled. (ฝนตก ดังนั้น งานจึงถูกยกเลิก)

คำเชื่อมความ (Connectors)

คำเชื่อมความมีหน้าที่คล้ายกับคำสันธานเชื่อมประโยคย่อยและคำสันธานประสาน แต่ใช้เชื่อมประโยคแทนที่จะเป็นคำนามหรือประโยค ต่อไปนี้เป็นคำเชื่อมความที่พบบ่อย:

การใช้งานคำเชื่อมความ
เพิ่มเติมalso, in addition, additionally, moreover, furthermore
แสดงความขัดแย้งhowever, even so, though, nevertheless, nonetheless, still, yet, in contrast, on the other hand, on the contrary
ให้เลือกalternatively, otherwise
เหตุและผลtherefore, thus, consequently, hence, for this reason, as a result, that’s why
แสดงความคล้ายคลึงby the same token, in like manner, in the same way, likewise, similarly
สรุปin short, in brief, in summary, to summarize, in a nutshell, to conclude, in conclusion, in closing, finally, on the whole
เรียงลำดับfirstly, secondly, finally, the first point is, lastly, at the same time

ตัวอย่าง:

  • She is a talented singer. Moreover, she plays the piano beautifully. (เธอเป็นนักร้องที่มีพรสวรรค์ ยิ่งไปกว่านั้น เธอยังเล่นเปียโนได้อย่างไพเราะอีกด้วย)
  • John loves outdoor activities. On the other hand, Mary prefers staying indoors. (จอห์นชอบกิจกรรมกลางแจ้ง ในทางกลับกัน แมรี่ชอบอยู่บ้านมากกว่า)

III. แบบฝึกหัด

เติมคำเชื่อมที่เหมาะสมลงในช่องว่าง:

  1. I wanted to go for a walk, __________ it was raining heavily.
  2. She is very talented; __________, she has won several awards.
  3. We can go to the park now, __________ you prefer to stay home.
  4. He missed the bus, __________ he had to wait for the next one.
  5. The movie was interesting, __________ it was quite long.
  6. She studied hard for the test, __________ she still found it difficult.
  7. The company has increased its profits, __________ it has expanded its market.
  8. The kids were playing outside, __________ it started to get dark.
  9. You should check the weather forecast, __________ you’ll know if it’s going to rain.
  10. I like to read novels, __________ my brother prefers non-fiction books.

คำตอบ:

  1. but
  2. therefore
  3. or
  4. so
  5. but
  6. yet
  7. as
  8. until
  9. so
  10. while

การเข้าใจและใช้คำเชื่อมอย่างถูกต้องจะช่วยพัฒนาทักษะการเขียนและการสื่อสารของคุณได้อย่างมาก หวังว่าความรู้และตัวอย่างในบทความนี้จะช่วยให้คุณใช้คำเชื่อมได้อย่างมีประสิทธิภาพ อย่าลืมติดตามบทความเกี่ยวกับภาษาอังกฤษในหัวข้ออื่นๆ จาก MochiMochi!